สัมภาษณ์อาจารย์
อาจารย์ อังวรา
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม
การไหว้ เป็นมารยาทไทยที่เป็นสืบทอดกันมาช้านาน การไหว้เป็นการแสดงถึงความมีสัมมาคารวะ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความหมายเพื่อการทักทาย การขอบคุณ การขอโทษ หรือการกล่าวลา โดยยกมือสองข้างประณม นิ้วชิดกัน ปลายนิ้วจรดกัน ยกมือขึ้นในระดับต่าง ๆ ตามฐานะของบุคคล และเมื่อมีผู้ทำความเคารพด้วยการไหว้ ให้ทำการรับไหว้ทุกครั้ง การรับไหว้ใช้ประณมมือแค่อก แล้วยกขึ้นเล็กน้อย ก้มศีรษะ
ที่มาของการไหว้
การไหว้เดิมนั้นมาจากการทักทายตามแบบโบราณ ซึ่งเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าผู้ทักทายทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีอาวุธทั้งสิ้น ซึ่งการไหว้มีอยู่หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสถานะทางสังคม เพศและวัย ส่วนอีกแนวคิดหนึ่งนั้นกล่าวว่า การไหว้นั้นมาจากพุทธศาสนา ซึ่งมาจากการกราบพระสงฆ์สามครั้ง
การไหว้มี3 ระดับคือ
1.ไหว้พระ
2.ไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโส
3.ไหว้บุคคลทั่วไปและผู้เสมอกัน
1. ไหว้พระ
อธิบาย ยกมือที่ประณมขึ้นจรดหน้าผาก ให้ปลายนิ้วหัวแม่มือจรดระหว่างคิ้ว ให้ปลายนิ้วชี้จรดตีนผม
2 . การไหว้ผู้ที่เคารพนับถืออย่างสูงและผู้มีพระคุณ
อธิบาย เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ไหว้บิดามารดา ครู อาจารย์ยกมือที่ประณมขึ้นจรดส่วนกลางของหน้า ให้ปลายหัวแม่มือจรดปลายจมูกให้ปลายนิ้วจรดระหว่างคิ้ว ค้อมตัวลงอย่างอ่อนน้อมและก้มศีรษะเข้าหาปลายนิ้วชี้
3 . การไหว้ผู้เสมอกัน
อธิบาย ไหว้ผู้ที่เสมอกัน ไม่ต้องยกมือที่ประณมขึ้นจรดหน้า เพียงแต่ยกมือที่ประณมขึ้นนิดหน่อย ประนมมือให้ปลายนิ้วชี้จรดปลายจมูก ไม่ต้องก้มศีรษะ หรือก้มศีรษะพองาม โดยไม่ต้องค้อมตัว
เมื่อมีผู้ทำความเคารพด้วยการไหว้ ต้องรับไหว้ทุกครั้ง การรับไหว้ใช้ประณมมือแค่อก แล้วยกขึ้นเล็กน้อย ก้มศีรษะ
ผมได้สัมภาษณ์อาจารย์ อังวรา เกี่ยวกับเรื่องการไหว้ ว่าอาจารย์คิดยังไงกับการไหว้ของเด็กสมัยนี้ อาจารย์ตอบว่าการไหว้เป็นสัณญลักษณ์ของเด็กที่แสดงความเคารพ มันเป็นสิ่งที่ดีถ้าจะไหว้ใครสักคน แต่ขอให้ใส่ใจในการไหว้หน่อย ไม่ใช่ไหว้ลวกๆ จะไหว้ใครต้องใส่ใจในการไหว้ทุกครั้ง บางครั้งอาจารย์ยังเคยเจอเด็กที่ไหว้มือเดียว ซึ่งมันไม่ควร ควรที่จะวางสิ่งของนั้นก่อนจะไหว้่ หรือยืนก้มศีรษะ และ อยากให้เด็กไทยช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมการไหว้ให้สือไปให้สู่คนรุ่นหลังได้สือทอดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น